3 เดือนแล้วที่เรามาเรียนภาษาที่ New Zealandที่ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัยโอทาโก (University of Otago Language Centre and Foundation Year) จะมาเล่าประสบการณ์ว่าเป็นอย่างไรบ้างที่นี่ เริ่มจากเรื่องเรียนที่คิดว่าน่าจะสำคัญที่สุด (หรอ)
- ระบบการเรียนการสอน
- เริ่มแรกสำหรับการเรียนภาษาทางโรงเรียนจะมีการทดสอบก่อนว่าเราอยู่ระดับไหน (Elementary, Pre-Intermediate, Intermediate, Upper-Intermediate, Advance) โดยถ้าอยู่ระดับ Intermediate ขึ้นไปจะมีให้เลือกคลาสนอกเหนือจาก general English ได้แก่ TOEIC หรือ IELST คลาส
- อาจารย์ผู้สอนมีความสนใจดีมาก แต่อันนี้ก็แล้วแต่คนด้วยแต่เราเจอแต่อาจารย์ดีๆ มี passion สอนสนุกไม่น่าเบื่อ ส่วนมากการเรียนจะไม่ได้นั่งเรียนตามหนังสือไปวัน ๆ เหมือนเรียนภาษาตามโรงเรียนหรือมหาลัยบ้านเราซึ่งน่าเบื่อมาก บางทีอาจารย์พาไปทำกิจกรรมนอกห้องเรียนด้วย เช่น ออกไปจับหอย ปูเสื่อ หอบขนมไปกินกันริมหาด หรือ พาไปดูหนังที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องที่เรียน ซึ่งสนุกมาก (ฮา)
- เรื่องเวลาเรียนแต่ละคลาสก็จะแตกต่างกันนิดหน่อย เช่น บางคลาสเริ่ม 9 โมง, บางคลาสเริ่ม 10 โมง แต่วันจันทร์และวันศุกร์จะเลิกเร็วกกว่าปกติ 1 ชม.
- กิจกรรมนอกเหนือห้องเรียน
- ทางโรงเรียนมีห้องสมุดเล็กๆ เรียกว่า ILC (Independent Learning Centre) ในห้องสมุดก็มี resource ที่ช่วยพัฒนาภาษามากมายให้เลือก เช่น หนังสือทั่วไป, หนังสือเรียน/เตรียมสอบ, นิตยสาร, DVD หนัง, คอมพิวเตอร์, บอร์ดเกม, หนังสือแนะนำเที่ยวนิวซีแลนด์ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดยืมฟรี !! ถ้ามีบัตรนักเรียน
- อีกทั้งยังมีคาเฟ่และโรงยิม (Unipol) ซึ่งทีเด็ดอยู่ตรงที่มีกีฬาให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่ Fitness centreอุปกรณ์ครบมาก เยอะเว่อร์, สนามกีฬาแบบ indoor ซึ่งมีทั้ง บาสเกตบอล, ฟุตซอล, แบดมินตัน,ปิงปอง, วอลเล่ย์บอล, โต๊ะสนุกเกอร, โต๊ะพลู, กระสอบทรายต่อยมวย ฯลฯ อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ปีนเขา หรือ tramping ให้เช่า ซึ่งถ้ามีบัตรนักเรียนสามารถเข้ายิมได้ฟรี แถมยืมอุปกรณ์ต่าง ๆ ฟรีอีกด้วย (ดีเกินไปแล้ว) ยกเว้น พวกอุปกรณ์ปีนเขาที่เราต้องเอาออกไปนอกสถานที่จะเสียตังค์
- กิจกรรม “Friday activity” ทุกวันศุกร์ทางโรงเรียนจะมีกิจกรรมให้นักเรียนเข้าร่วม อันนี้ไม่บังคับกิจกรรมก็จะต่างกันไปแล้วแต่อาทิตย์ อย่างที่เราเข้าร่วมเท่าที่จะได้ก็มี Food festival, BBQ, Touch rugby, Dodge ball ฯลฯ อันนี้กิจกรรมส่วนใหญ่จะฟรี แต่บางกิจกรรมก็ต้องเสียเงินเช่น พานักเรียนไปเที่ยวเป็นกลุ่มไปขี่จักรยาน ตั้งแคมป์ค้างคืน
- ตอนนี้ทางโรงเรียนมีกิจกรรมร่วมกับชุมชน เรียกว่า Leadership Award ซึ่งเราจะได้ทำงานอาสาสมัคร มีคนของทางชุมชนมาแนะนำว่าจะมีกิจกรรมอาสาอะไรบ้าง ถ้าเราสนใจก็ลงทะเบียนซึ่งอันนี้คิดว่าดีมาก เป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะได้คุยกับคนอื่นนอกจากนักเรียนด้วยและอาจารย์ แถมได้ทำกิจกรรมช่วยสังคมด้วย กิจกรรมของ leadership award จะมีเหมือนภารกิจให้ทำ เช่น meeting, เข้าร่วมงานอาสา, ร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียน และเขียน report ส่งทางโรงเรียน ถ้าทำได้ครบก็จะได้ประกาศนียบัตร ประมาณนั้น
- กิจกรรมกับเพื่อน ๆ (อันนี้แล้วแต่กลุ่มเพื่อนด้วย) แต่ที่เราทำก็มี เพื่อนพาไปตกปลา สอนตกปลาที่ทะเล, ปาร์ตี้ ชาบู ชาบู หรือ BBQ ที่บ้านเพื่อน, รวมตัวกันไป activity centre เล่น Laser tag (คล้ายๆ paintball แต่ไม่เจ็บตัวและสนาม indoor) เกือบ 20 คน
- เรื่องการเที่ยวไม่ต้องห่วง ระหว่างเรียนจบคลาส หรือจบเทอมจะมีหยุดประมาณ 1 สัปดาห์ซึ่งก็สามารถวางแผนเที่ยวเกาะเหนือ เกาะใต้ ได้ตามใจต้องการถ้าเงินถึง
- การอยู่อาศัย
- เรื่องอยู่อาศัยถ้าอยู่ homestay ก็บอกก่อนเลยว่าขึ้นอยู่กับดวงด้วง (ฮา) ถ้าเจอโฮสก็ดีก็ดีมาก ถ้าเจอโฮสไม่ดีอันนี้ตัวใครตัวมัน ฮ่าๆ แต่โฮสส่วนมากจะดีมาก มีแค่ส่วนน้อยที่ไม่ค่อยดี ซึ่งถ้าเกิดเราไม่พอใจโฮสก็สามารถบอกทางโรงเรียนขอย้ายได้ แต่ต้องมีเหตุผลด้วยนะ
- ส่วนตัวโฮสคนแรกไม่ค่อยดีมาก อาหารไม่ดี, ดูไม่ค่อยใส่ใจนักเรียน เราเลยตัดสินใจเปลี่ยนโฮสภายใน 1 เดือนหลังจากนั้นชีวิตก็มีความสุขขึ้นมาก ฮ่าๆๆๆ
- เรื่อง Culture shocks เราไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ ไม่ค่อยเหวอหรือตื่นตระหนกกับสิ่งไม่ไม่คุ้นเคย จะมีบ้างก็แค่เรื่องอาหารที่ไม่ค่อยหลากหลายใน homestay ปัจจุบันแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรใหญ่โตเพราะบางทีเราก็ทำอาหารกินเอง (อันนี้แล้วแต่บ้านว่าให้ทำหรือไม่)
- เรื่อง Home sick ไม่มีเลย อยู่มาสามเดือนยังไม่คิดอยากกลับเมืองไทยเลย ฮ่าๆๆๆ ถามว่าอยากเจอครอบครัวไหม อยากมาก แต่ยังไม่อยากกลับไทย อิอิ จะมีก็แต่อาหารไทยที่คิดถึงมาก อาหารอีสาน อาหารทะเล ช่วยส่งมาทีเถอะ หิว
- แน่นอนที่นี่มีร้านอาหารไทยประมาณ 4-5 ร้านที่เรารู้ แต่ก็นั่นแหละราคาก็แพงตามระยะทางที่มันบินมา แต่ที่นี่มีร้านอาหารญี่ปุ่นกับจีนจะเยอะ เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ ไม่ญี่ปุ่นก็จีน แต่ร้านที่โดนจริงๆ ก็มีไม่มาก
- เรื่องการเดินทางใน Dunedin ส่วนใหญ่ถ้าไม่มีรถยนต์หรือจักรยาน ทางเลือกที่มีก็คือ รถบัส หรือ เดิน ซึ่งรถบัสจะมีตารางเวลาที่ชัดเจนอยู่แล้ว มาตรงเวลาบ้างไม่ตรงบ้าง อันนี้เราไม่ค่อยเป็นปัญหา เพราะรถบัส รถเม บ้านเราแม้แต่ตารางเวลายังไม่มีเลย (เอวัง) แต่จะไปไหนมาไหนก็ควรเช็คตารางเวลาให้ดี โดยเฉพาะวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ รถจะน้อยกว่าวันธรรมดา
- เพื่อน
- เรื่องเพื่อนเป็นเรื่องที่สำคัญกับเรามากมากมาก ส่วนตัวคิดว่าโชคดีมากที่เจอเพื่อนดีเป็นกันเอง enjoy มาก กินข้าวล้อมวงโต๊ะกลม 10 กว่าคน แบ่งอาหารกันกินทุกวันมีความสุขมาก
- เพื่อนตอนนี้ก็มีหลายสัญชาติทั้ง ไทย ญี่ปุ่น จีน เยอรมัน อินโด มาเลย์ เกาหลี
- แต่คนไม่ดีก็มีบ้างอันนี้ก็อยู่ที่ตัวเราจะเลือกคบเพื่อนดีหรือไม่ดี แต่โชคดีที่เราเป็นคนดี (ฮา) เลยเจอแต่เพื่อนดี ๆ