ควรเลือกเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่
ผู้ปกครองอาจต้องช่วยประเมินว่า นักเรียนจะเหมาะสมในการอยู่ในเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ ข้อแตกต่างก็คือ เมืองใหญ่ คนมาก ความใกล้ชิดระหว่างผู้คนจะน้อยกว่าเมืองเล็ก ค่าใช้จ่ายในเมืองเล็กจะถูกกว่า นักเรียนมีสมาธิมากกว่าในเมืองเล็กเนื่องจากไม่มีสิ่งเร้า หรือสิ่งยั่วยุมากจนเกินไป อย่างไรก็ตาม นักเรียนบางคนก็ชอบที่จะอยู่เมืองใหญ่เนื่องจากจะไม่เหงาจนเกินไป เพียงแต่ผู้ปกครองอาจพิจารณาโรงเรียนที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในตัวเมืองเสียทีเดียว อาจเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในย่านใดย่านหนึ่งที่อยู่นอกใจกลางเมืองออกมา เมืองที่ใหญ่ที่สุดของ นิวซีแลนด์ คือ Auckland รองลงมาคือ Christchurch ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของเกาะใต้
ควรเลือกเป็นโรงเรียนชาย/หญิงล้วนหรือสหศึกษา
ขึ้นอยู่กับแบ็คกราวน์และความประสงค์ของนักเรียนและผู้ปกครอง อย่างไรก็ตาม มีรายงานการวิจัยที่ยืนยันว่า นักเรียนในโรงเรียนหญิงล้วน/นายล้วนมีผลการเรียนที่ดีกว่านักเรียนในโรงเรียนสหศึกษา เนื่องจากผู้หญิงและผู้ชายมีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน อย่างไรในด้านพัฒนาการทางสังคมแล้วนักเรียนในโรงเรียนสหศึกษาจะมีมากกว่า
ควรเลือกเป็นโรงเรียนที่มีหอพักหรือโฮมสเตย์
ผู้ปกครองหลายท่านที่มีลูกสาว จะสบายใจกว่า หากได้ให้ลูกได้อยู่ในโรงเรียนที่มีหอพัก เนื่องจากลูกจะได้อยู่ในสายตาของโรงเรียนตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม การพักกับโฮมสเตย์(ครอบครัวชาวนิวซีแลนด์) จะเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้วิถีชีวิตที่เป็นจริงของคนนิวซีแลนด์ ได้ความเข้าใจที่มากขึ้น เรียกว่า มีความเข้าถึงคนของประเทศนี้ หากผู้ปกครองมีความกังวล ในระยะแรกก็อาจให้นักเรียนอยู่หอพักโรงเรียนก่อนสัก 1 ปี หลังจากนั้นค่อยพิจารณาให้อยู่โฮมสเตย์ หากว่านั่นคือสิ่งที่นักเรียนต้องการ
ควรเลือกโรงเรียนรัฐบาล/เอกชน
โรงเรียนมัธยมส่วนใหญ่ใน นิวซีแลนด์ จะเป็นโรงเรียนรัฐบาล ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายถูกที่สุดอยู่ระหว่าง 6-7 แสนบาทเบ็ดเสร็จ โดยมีคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาที่ได้รับการควบคุมดูแลโดยกระทรวงศึกษาธิการ ถัดมาคือโรงเรียนกึ่งรัฐบาลกึ่งเอกชน ปกติโรงเรียนแบบนี้จะมีอุปกรณ์การเรียนการสอนดีกว่าโรงเรียนรัฐบาลนิดหน่อย เนื่องมีเงินอุดหนุนเพิ่มเติมนอกเหนือที่ได้จากรับมาจากโบสถ์หรือศาสนาคริสต์ ค่าใช้จ่ายสำหรับโรงเรียนประเภทนี้อยู่ที่ราว 7-8 แสนบาทต่อปี โรงเรียนอีกประเภทหนึ่งคือ โรงเรียนเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีหอพักให้นักเรียน มีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ดีเยี่ยม วิชาการเข้มแข็ง กวดขันเอาจริงเอาจังกับนักเรียน แต่มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงคือ ราว 9 แสนบาทขึ้นไปต่อปี
นักเรียนจะได้เข้าเรียนชั้นไหน
นิวซีแลนด์จะพิจารณาให้นักเรียนเข้าชั้นตามอายุเป็นหลัก พร้อมกับดูผลการเรียนที่ผ่านมา เช่น หากอายุ 14 ก็ได้ขึ้น Year 10(เทียบเท่า ม.4 ของไทย) อายุ 15 เข้า Year 11 (เทียบเท่า ม.5) ทั้งนี้ โรงเรียนจะดูความสามารถด้านภาษาอังกฤษของนักเรียนด้วย หากภาษายังไม่พร้อม ก็จะต้องเรียนภาษาเป็นหลักควบคู่ไปกับบางรายวิชาที่ไม่ต้องใช้ภาษามากนัก เช่น พละ เลข ดนตรี เป็นต้น เมื่อภาษาเริ่มดีขึ้น ก็ค่อยปรับเรียนวิชาหลักมากขึ้น
หมายเหตุ : หากนักเรียนเรียนถึง Year 13 ที่นิวซีแลนด์ นักเรียนจะสามารถเรียนต่อมหาลัยที่นั้นอีกเพียงแค่ 3 ปี แต่นักเรียนต้องมีการวางแผนรายวิชาที่เรียนเป็นอย่างดีตั้ง Year 11
ควรเตรียมภาษาไปก่อนล่วงหน้าหรือไม่
หากผู้ปกครองประสงค์จะทำและนักเรียนมีเวลาก็สามารถทำได้เพื่อให้นักเรียนมีความมั่นใจในการใช้ภาษามากขึ้น แต่โดยปกติโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีแผนกสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนต่างชาติ (ESL/ESOL)อยู่แล้ว ซึ่งทางโรงเรียนจะค่อยๆปรับภาษาให้นักเรียนพร้อมๆไปกับให้นักเรียนได้เรียนวิชาง่ายๆบางวิชาด้วย
หากนักเรียนมีปัญหาใครจะเป็นผู้ดูแล
ทางโรงเรียนจะมีแผนกดูแลนักเรียนต่างชาติ โดยจะมีหัวหน้าแผนก หรือ Dean of International Students และทีมงานคอยให้การดูแลนักเรียน บางโรงเรียนจะให้ผู้ปกครองแต่งตั้ง guardian ขึ้นมาเพื่อให้คอยดูนักเรียน โดยผู้ปกครองต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแต่งตั้ง guardian ขึ้นมา ปกติอยู่ที่ปีละ 3000-4000 เหรียญนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม โรงเรียนส่วนใหญ่ในนิวซีแลนด์ ไม่ได้บังคับให้ผู้ปกครองต้องแต่งตั้ง guardian ขึ้นมาดูแลนักเรียน
ควรไปเข้าเรียนช่วงไหนของปี
นิวซีแลนด์มี 4 เทอม ดังนี้ (ดูตารางประกอบ)
เทอม 1 กพ.-เมย.
เทอม 2 พค.-กค.
เทอม 3 กค.-กย.
เทอม 4 ตค.-ธค.
แต่ละเทอมจะเรียน 10 สัปดาห์ ปิด 2 สัปดาห์ ยกเว้นเทอม 4 ที่จะปิดนาน 2 เดือน นักเรียนต่างชาติสามารถเริ่มเข้าเรียนตอนเปิดเทอมของเทอมไหนก็ได้ โดยต้องสมัครให้เสร็จก่อนวันเปิดเทอม
ใช้เวลาในการสมัครและเตรียมตัวนานแค่ไหน
หลังจากเลือกโรงเรียนเรียนได้แล้ว โดยปกติจะใช้เวลาดำเนินการทำสมัครเรียน จ่ายค่าเล่าเรียน รอใบเสร็จรับเงินจากโรงเรียน ยื่นวีซ่า ทั้งสิ้นประมาณ 6-8 สัปดาห์