สวัสดีค่ะชื่อทราย อมรรัตน์ มีแสวงค่ะ ปัจจุบันเรียน Postgraduate Diploma in Language Teaching ที่ University of Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ค่ะ
เหตุผลที่เลือกมานิวซีแลนด์
เราเลือกไปเรียนที่นิวซีแลนด์เพราะได้ยินว่าเป็นประเทศที่วิวสวยมาก ท้องฟ้าสีฟ้า น้ำทะเลสีคราม ทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา จำนวนแกะเยอะกว่าจำนวนคนทั้งประเทศ (จะได้มีโมเม้นถ่ายรูปกลางทุ่งแบบมีแกะล้อมรอบตัวไรแบบนี้) บ้านเมืองค่อนข้างออกแนวชนบทแบบที่เขาใช้ถ่ายทำ The Hobbit คิดไว้แล้วแหละว่าต้องใช้ชีวิตลำบากแน่ ๆ ซึ่งพอไปถึงก็พบกับทิวทัศน์ที่สวยเว่อวังตามที่อ่านมาจริง ๆ แต่ที่น่าตกใจคือเป็นประเทศที่สะดวกสบายมากกว่าที่คิดไว้มาก ๆ มีรถไฟ รถบัสเข้าถึงจุดสำคัญต่าง ๆ ในตัวเมือง น้ำดื่มสามารถกินได้จากก๊อก มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อเปิดขายถึงราว ๆ สี่ห้าทุ่ม ซึ่งถ้าทำอาหารไม่เป็น (แบบเรานั่นเอง) ก็สามารถอยู่ได้แต่อาจต้องจ่ายแพงหน่อย เพราะค่าข้าวในร้านอาหารที่นี่เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณสองร้อยบาท (9-10 ดอล) จริง ๆ แล้วทุกเมืองในประเทศนี้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกคล้าย ๆ กันแบบนี้ แต่ถ้าเป็นที่เกาะใต้ร้านค้าจะปิดเร็วกว่าประมาณหนึ่งทุ่ม โดยเมืองที่เราไปเรียนคือ “ออคแลนด์” ทางเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่เยอะที่สุดในประเทศ จริงค่อนข้างคึกคัก โดยเฉพาะใจกลางเมืองที่มีแม้กระทั่งคาสิโน
การเรียนที่ ELA
เราเรียนคอร์ส EAP2 และ EAP3 ที่ ELA สถาบันสอนภาษาของ UoA (University of Auckland) เพื่อเรียนต่อ Postgraduate diploma in TESOL ที่นี่เป็นสถาบันสอนภาษาที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ อาจารย์ทุกคนตั้งใจสอน และให้การบ้านไปทบทวนบทเรียนที่ค่อนข้างเยอะ (พูดได้ว่าใครเรียนคลาสนี้ทำใจเลยว่าอาจไม่มีเวลาทำพาร์ทไทม์ เนื้อหาเขาแน่นมากจริง ๆ) เนื่องจากเป็นคลาสที่เรียนแบบ Academic เพื่อการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เนื้อหาที่สอนจึงค่อนข้างเข้มข้น
ในคอร์ส EAP 2 จะแบ่งเป็นสองวิชา วิชาแรกคือเรียนพวกสกิลพื้นฐาน ฟังพูดอ่านเขียน โดยการฟังจะเน้นไปที่การฟังเลคเชอร์และจดโน้ต การพูดเน้นไปที่การใช้คำเพื่อตอบโต้คู่สนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น Exactly, Definitely และการทำความเข้าใจและอธิบายกราฟ การอ่านเน้นไปที่การจับใจความเพื่อตอบคำถาม (ไม่แตกต่างจากข้อสอบไอเอลต์เท่าไหร่) การเขียนคือสอนการเขียน agree/disagree essay, problem-solving essay, paraphrasing และการเขียน summary ซึ่งมีประโยชน์มากในการเขียนรีเสิร์ช ในส่วนของวิชาที่สองนั้นแบ่งออกเป็น IELTS และ Uniprep (University preparation) ซึ่งเราเลือกเรียนหลักสูตรที่สองเพราะไม่อยากสอบไอเอลต์แล้วนั่นเอง ใน Uniprep จะเน้นไปที่การทำงานกลุ่ม การอ่านหลาย ๆ บทความและนำมาสรุปใจความ (Summary) และวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ (Critique) การเขียน Discussion essay และการพรีเซ้นต์งานแบบกลุ่ม
ในคอร์ส EAP3 เนื้อหาจะใกล้เคียงกับ EAP2 แต่เป็นเลเวลที่สูงขึ้นไปอีก ขออธิบายก่อนว่าในหลักสูตรแบบ Academic จะเรียนทั้งหมด 10 สัปดาห์ต่อหนึ่งคอร์ส (เรียนเฉพาะ จ-ศ 8.15 - 12.30) แล้วพักสองสัปดาห์ก่อนต่อคอร์สต่อไป ทว่าคอร์สที่เราเรียนนั้นพิเศษกว่าคอร์สปกติตรงที่เป็น “ซัมเมอร์คอร์ส” จึงไม่มีการพักระหว่างคอร์สแต่จะได้หยุดคริสต์มาสสองสัปดาห์แทน ซัมเมอร์คอร์สจะเรียนเป็นเช้าบ่าย 8.15 – 15.30 พักกลางวันหนึ่งชั่วโมงเป็นจำนวน 7 สัปดาห์ ซึ่งบอกเลยว่าเหนื่อยมาก ใครที่มีเวลาไม่แนะนำให้เรียนหลักสูตร Academic ในช่วงซัมเมอร์ เพราะนอกจากเรียนต่อเนื่อง 6 ชั่วโมงแล้วการบ้านก็เยอะมากเช่นกัน ช่วงเช้าแบ่งเป็นสองวิชา วิชาสกิลฟังกับเขียน กับวิชาเลือก IELTS หรือ Uniprep ในส่วนของการฟังคือเหมือนกับคอร์สก่อนหน้าคือฟังเลคเชอร์และจดโน้ต การเขียนคือสอนการเขียน paraphrasing, opinion essay และ synthesis essay วิชาที่สองเราเลือกเป็น Uniprep เช่นเคย ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการทำรีเสิร์ชของจริงโดยเริ่มจากการเลือกหัวข้อ หาบทความ (อาจารย์หาให้ 2 หาเองอีก 4 เป็นอย่างน้อย) ทำการวิเคราะห์ดูความน่าเชื่อถือของบทความและเลือกหา Evidence ในบทความเพื่อนำมาเขียนรีเสิร์ช 2,000 คำ จากนั้นทำ Detailed plan ก่อนเขียน Draft และลงมือเขียนรีเสิร์ช รวมถึงทำการพรีเซ้นต์หัวข้อที่เราค้นคว้า ช่วงบ่ายจะเรียนวิชาสกิลอ่านกับพูดซึ่งไม่แตกต่างจากคอร์ส EAP2 มากนัก
นอกจากวิชาเรียนที่แน่นเอี๊ยด ที่ ELA ยังมี Student Center ให้ฝึกสกิลต่าง ๆ ด้วยตนเองจากโปรแกรมที่หลากหลาย รวมถึงมีหนังสือเรียนและนิยายภาษาอังกฤษให้หยิบยืมมากมาย พร้อมกับอาจารย์ที่คอยตอบคำถามหากมีข้อสงสัยในวิชาเรียนหรืออื่น ๆ เรียกได้ว่ามาเรียนที่นี่แล้วได้ความรู้ด้านภาษาอังกฤษกลับไปเต็ม ๆ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกของที่สถาบันก็ถือว่าค่อนข้างดี มีน้ำ นม ชา กาแฟ ให้ดื่มฟรีได้ตลอดเวลา มีโรงอาหารหรือ Student Lounge สำหรับใครที่พกข้าวกล่องมาก็สามารถอุ่นอาหารได้ หรือจะมานั่งคุยเล่น ดูหนัง เล่นปิงปองก็มีอุปกรณ์พร้อม นอกจากนี้ที่นี่ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ร่วมสนุก ทั้งพาไปเที่ยวทะเล เดินทัวร์มหาวิทยาลัย พาไปคาเฟ่ มีทัศนศึกษาหลังจบคอร์ส (เสียงตังเพิ่มนะจ้ะ) ถ้าใครที่ยังหาเพื่อนเที่ยวไม่ได้เราคิดว่าการไปกับทางสถาบันก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีในการไปเที่ยวที่ต่าง ๆ
สิ่งที่อยากเตือนเลยคือคนที่นี่ค่อนข้างตรงต่อเวลา เพราะฉะนั้นไม่ควรไปสาย ควรเช็คตารางเวลารถบัสให้ดีเพื่อขึ้นให้ทันเวลา ในกรณีที่ไม่สบายหรือเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น รถบัสประท้วงแล้วหยุดวิ่งทั้งสาย (มันเกิดขึ้นจริงนะเออ) ก็ให้พกเบอร์ของสถาบันเอาไว้แจ้งเขาเรื่องที่ไม่สามารถเข้าเรียนได้
ประสบการณ์อยู่โฮมสเตย์
เรามีโอกาสได้อยู่กับโฮมสเตย์เกือบสามเดือน โฮสต์ของเราเป็นชาวบราซิลที่ได้ citizen ของนิวซีแลนด์ การอยู่กับโฮสต์คือการได้เรียนรู้การใช้ชีวิตกับชาวต่างชาติ ได้ลองกินอาหารหลายรูปแบบ ไปเที่ยวที่ต่าง ๆ กับพวกเขา ซึ่งบอกเลยว่าเราโชคดีมากที่มีโฮสต์ที่คอยใส่ใจ เพราะได้ยินว่าบางคนโฮสต์ก็ปล่อยให้ทำกับข้าวเอง วันหยุดก็ไม่ได้พาไปไหน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมีโอกาสเจอใครแต่ส่วนใหญ่โฮสต์จะค่อนข้างรับผิดชอบดูแลเราดีมาก (ถ้าไม่พอใจโฮสต์ก็สามารถติดต่อสถาบันเพื่อเปลี่ยนโฮสต์หรือแก้ไขปัญหาความเข้าใจผิดได้ เพราะเราเคยโดนเรียกไปให้ช่วยแปลให้น้องคนไทยที่อยากเปลี่ยนโฮสต์ แต่คุยไปคุยมาปัญหาอยู่ที่ความผิดพลาดด้านการสื่อสารเท่านั้นเอง) อยากจะแนะนำว่าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความเข้าใจผิด ควรคุยกันเรื่องกฎระเบียบของบ้านให้เรียบร้อยตั้งแต่วันแรก เช่น อาบน้ำได้ถึงกี่โมง กินข้าวกี่โมง ซักผ้าได้วันไหน ถ้ากลับดึกต้องแจ้งก่อนไหม ถ้าจะพาเพื่อนมาบ้านได้ไหม ซึ่งเอาจริง ๆ เรื่องพวกนี้ค่อนข้างสำคัญอยู่ เพราะเคยพาเพื่อนมาที่บ้านแล้วไม่ได้บอกก่อนก็เลยโดนโฮสต์แด๊ดดุไปตามระเบียบ